แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต้องบุกชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน คืนนี้ให้ได้เพื่อตามให้เหลือ 11 คะแนน..
..โดยที่ลงเตะมากกว่าอยู่หนึ่งเกม
ความปราชัยของ เลสเตอร์ ซิตี้ ทำให้พวกเขาตามหลังไปแล้ว 13 คะแนน..
.. และลงเตะมากกว่าอีกหนึ่งเกมเช่นกัน..
ลิเวอร์พูลไม่เคยออกตัวในลีกได้น่าเกรงขามขนาดนี้ เตะ 18 ชนะ 17 เสมอ 1 ทำแต้มหลุดมือแค่ 2 และทิ้งห่าง 13 คะแนนเมื่อยังไม่ถึงครึ่งทาง
มองดูตารางพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง มันก็ยังบอกกับตัวเองว่าไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ
ลิเวอร์พูลเตะ 18 ชนะ 17 เสมอ 1 แพ้ 0 ยิง 46 เสีย 14 แต้ม 52
ทีมที่อยู่ใกล้พวกเขาที่สุดอย่างเลสเตอร์ เตะ 19 ชนะ 12 เสมอ 3 แพ้ 4 ได้ 41 เสีย 18 แต้ม 39
.. เตะ 18 นัด ชนะ 17 นัด เสมอ 1 นัด.. ดูอีกทีก็ยังไม่อยากเชื่อ มันเป็นผลงานที่ใกล้เคียงกับคำว่าสมบูรณ์แบบ
ใน 18 เกมที่ผ่านมามีเกมยากเกมง่ายปะปนกัน หลายเกมกว่าจะเอาตัวรอดได้ก็เลือดตาแทบกระเด็น
บางเกมที่คิดว่าไม่ยากก็กลับยาก หากบางเกมที่คิดว่ายากแน่ๆ แต่กลับง่าย
ฟุตบอลมันก็เป็นอย่างนี้ มีเรื่องคาดไม่ถึงเกิดขึ้นตลอดเวลา แต่ลิเวอร์พูลฤดูกาล 2019/20 ที่เวลานี้ผ่านมาครึ่งทางแล้วนั้นผ่านมันได้หมดจนเป็นเอกลักษณ์ติดตัวไปแล้ว
เดินหน้าสานต่อผลงานมั่นคงตั้งแต่ 9 นัดสุดท้ายของฤดูกาลก่อนที่ชนะรวด นับรวมได้ 35 เกมเข้าไปแล้วที่ไม่แพ้ใครในพรีเมียร์ลีก
ใน 35 เกมไร้พ่ายที่ผ่านมานั้นประกอบขึ้นจาก 17 เกมสุดท้ายของฤดูกาลที่แล้ว ผลงานเตะ 17 ชนะ 13 เสมอ 4 บวกกับอีก 18 เกมที่ผ่านมาของฤดูกาลนี้ ผลงานเตะ 18 ชนะ 17 เสมอ 1
นั่นหมายความว่า 35 เกมหลังสุดที่ลงเล่นในลีก หงส์แดงชนะได้ถึง 30 เกม เสมอ 5 เกม ทำแต้มตกหล่นไปเพียง 10 คะแนนเท่านั้นจากคะแนนเต็ม 105..
ย้อนขึ้นไปดูเงื่อนไขที่กำลังเป็นไปอีกครั้ง ถ้าเราเป็นแฟนบอล แมนฯ ซิตี้ และ เลสเตอร์ ควรจะรู้สึกอย่างไร
ซิตี้ ต้องชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน คืนนี้ให้ได้เพื่อตามให้เหลือ 11 คะแนน.. โดยที่จะลงเตะมากกว่าลิเวอร์พูล 1 เกม
เลสเตอร์ ที่เคยตาม 8 เมื่อสามเกมก่อนกลายเป็นตาม 13 และลงเตะมากกว่าหงส์แดงอีก 1 เกมเช่นกัน ถ้าเราเป็นแฟนบอลของทีมอื่นๆ ควรจะรู้สึกอย่างไร และสำหรับคนที่เป็นเดอะค็อป.. ตอนนี้พวกคุณรู้สึกอย่างไร
เกมเยือนคิงเพาเวอร์ สเตเดี้ยมเมื่อคืนคือเกมระดับซูเปอร์คลาสของลิเวอร์พูล เป็นผลงานมาสเตอร์พีซของพวกเขา
การรับมือกับคู่แข่งที่เป็นถึงรองจ่าฝูงของพวกเขานั้นไม่ได้แสดงให้เห็นแค่ระดับจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก แต่เป็นระดับแชมป์ยุโรปหรืออันที่จริงศักดิ์ศรีของพวกเขาในตอนนี้คือแชมป์โลก
ลิเวอร์พูลจัดการกับหนึ่งในเกมที่เชื่อกันว่าจะยากที่สุดได้สมกับที่เป็นแชมป์โลก
เหนือกว่า แม่นกว่า หนักกว่า
เยือกเย็นกว่า มั่นใจกว่า เด็ดขาดกว่า หลากหลายกว่า
พวกเขาเอาชนะเจ้าบ้านได้ในทุกจุดของสนาม ตั้งแต่เกมรับยันการจบสกอร์
ตัวอันตรายและความหวังของเลสเตอร์ถูกล็อกสนิท เจมี่ วาร์ดี้ ได้บอลนับครั้งได้ เจมส์ แมดดิสัน หายไปจากเกมต้องถูกเปลี่ยนตัวออก ริคาร์โด้ เปเรยร่า กับ เบน ชิลเวลล์ ฟูลแบ๊กอันตรายถูกกดจมอยู่ตรงนั้นในแดนตัวเอง
บอลพุ่งไปข้างหน้าเข้าทำเร็วใช้จังหวะน้อยแต่ได้จบสกอร์ของเลสเตอร์ถูกตัดขาดสิ้นเชิงจากเกมบีบพื้นที่แดนบนอันมีประสิทธิภาพของกองหน้าและกองกลางหงส์
กลายเป็นว่าเลสเตอร์ที่ไม่ควรมีความกดดันเกินไปนักเนื่องจากไม่ได้ถูกจับตามองเท่าแมนฯ ซิตี้ ทุกเกมคือกำไรกลับเล่นกันได้ผิดมาตรฐานไปเอง ตื่นเต้น ร้อนรน รักษาสมาธิเอาไว้ไม่ได้เลย
ก็เวลาผ่านไปเพียงแค่ไม่ถึง 15 นาที ลิเวอร์พูลมีโอกาสยิงไปแล้ว 4-5 ครั้ง ครึ่งแรกจบไปโดยที่เลสเตอร์แทบไม่มีจังหวะสับไกสร้างความหวาดเสียวเลย
ลิเวอร์พูลเล่นเหมือนมีสิทธิ์ขาดในการกำกับเกมแต่เพียงผู้เดียว เล่นเหมือนคนมีอำนาจอยู่ในมือ เกมนี้เป็นของข้า พวกเอ็งแค่เดินตามก็พอ
สกอร์ 4-0 และรูปเกมตลอด 90 นาทีชวนให้รู้สึกคล้อยตามไปอย่างนั้นจริงๆ
บางทีด้วยสถานการณ์ที่นำห่างและแชมป์สโมสรโลกซึ่งปลดล็อกมาครอบครองได้อาจทำให้ทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ เชื่อมั่นในตัวเองมากขึ้นไปอีก คุณสมบัตินี้สร้างความแตกต่างได้ในเกมที่ตึงเครียดลักษณะนี้
กลายเป็นคู่แข่งที่เครียดและเกร็งไปเอง ลิเวอร์พูลก้าวผ่านความกดดันไปไกลแล้ว มันทำอะไรพวกเขาไม่ได้ตั้งแต่ช่วงรันยาวเบียดแย่งแชมป์กับแมนฯ ซิตี้ปลายซีซั่นก่อนแล้ว ทั้งยังถูกเติมเต็มด้วยแชมป์ใหญ่รายเรียงที่ไล่คว้ามาครองไม่เหน็ดเหนื่อย
กลับมาจากกาตาร์พร้อมโทรฟี่คลับเวิลด์คัพของฟีฟ่า ลิเวอร์พูลดูตัวใหญ่ขึ้นกว่าเดิมอีกจากฟอร์มในระดับเอ๊าต์คลาสเหนือเลสเตอร์เมื่อคืนบ๊อกซิ่งเดย์ ชนะด้วยฟอร์มแบบนี้ นำห่างไกลลิบขนาดนี้ ผลงานบนตารางคะแนนยอดเยี่ยมอย่างนี้ จะไม่ได้เดอะค็อปยิ้มแป้นและฝันหวานได้อย่างไรเล่าครับ
สามคะแนนเกมล่าสุดยังบอกเราอีกว่าบ๊อกซิ่งเดย์กลายเป็นอาวุธลับอีกชิ้นของเจอร์เก้น คล็อปป์
เพราะนับตั้งแต่เข้ามาคุมทีมเมื่อเดือนตุลาคมปี 2015 เขาพาทีมเก็บชัยชนะในโปรแกรมวันแกะกล่องของขวัญได้แบบร้อยเปอร์เซนต์
2015 ชนะ เลสเตอร์ 1-0 (เหย้า)
2016 ชนะ สโต๊ค ซิตี้ 4-1 (เหย้า)
2017 ชนะ สวอนซี 5-0 (เหย้า)
2018 ชนะ นิวคาสเซิ่ล 4-0 (เหย้า)
2019 ชนะ เลสเตอร์ 4-0 (เยือน)
เตะ 5 ชนะ 5 แค่นี้ก็ถือเป็นสถิติที่ดีที่สุดของสโมสรแล้ว และถ้านับรวมปี 2014 ที่ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส พาทีมบุกชนะ เบิร์นลี่ย์ 1-0 เข้าไปด้วยก็ทำให้ลิเวอร์พูลชนะในเกมบ๊อกซิ่งเดย์มาแล้ว 6 ปีติดต่อกัน (ครั้งล่าสุดที่ไม่ชนะคือปี 2013 แพ้ แมนฯ ซิตี้ เจ้าบ้าน 1-2) เก็บชัยชนะแมตช์บ๊อกซิ่งเดย์เป็นปีที่ 6 ติดต่อกันเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร.. ครั้งแรกเช่นเดียวกับที่ได้แชมป์สโมสรโลก และน่าภูมิใจเช่นเดียวกับสถิติต่างๆ ที่สร้างขึ้นไม่เว้นวัน
เกมเมื่อคืนลิเวอร์พูลในยุคของคล็อปป์ทำประตูทะลุ 500 ลูกรวมทุกรายการไปเรียบร้อย
เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ จ่ายให้เพื่อนยิงอีก 2 ประตูเพิ่มสถิติเป็น 20 แอสซิสต์นับตั้งแต่เปิดซีซั่นก่อน มากกว่าใครทั้งหมด
เก็บแต้มที่ 149 นับตั้งแต่ออกสตาร์ตฤดูกาล 2018/19 แพ้แค่เกมเดียวใน 56 นัดหลังสุดของพรีเมียร์ลีก แยกเป็นชนะ 47 เสมอ 8
ยังไม่รวมสถิติอื่นๆ ที่ผ่านมาในปีนี้ อาทิ เป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์แชมเปี้ยนส์ ลีกที่แพ้ 3 ประตูในรอบตัดเชือกเกมแรกแล้วกลับมาเข้าชิง
เป็นทีมแรกของอังกฤษที่ได้แชมป์ใหญ่ระดับนานาชาติ 3 รายการในปีเดียวกัน แชมป์ยุโรป แชมป์ซูเปอร์คัพ แชมป์สโมสรโลก
จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เป็นกัปตันทีมชาวอังกฤษคนแรกที่ได้ชูถ้วยแชมป์ทั้งสามใบในปีปฏิทินเดียว
ลิเวอร์พูลยังไม่ตกรอบน็อกเอ๊าต์เกมสโมสรยุโรปเลยในมือ เจอร์เก้น คล็อปป์.. ถ้าถึงรอบน็อกเอ๊าต์เมื่อไหร่ คล็อปป์จะพาทีมเข้าชิงได้เสมอ..
.. ยูโรปา ลีก 2016 แชมเปี้ยนส์ ลีก 2018 แชมเปี้ยนส์ ลีก 2019 ยืนยันกับเราอย่างนั้น
ก้าวขึ้นเป็นสโมสรอันดับหนึ่งของโลกจากยูโรอินเด๊กซ์
Best on earth, Greatest in the world, Top of this planet, Number one of all หรือคำสรรเสริญเยินยอใดๆ ที่สื่อขนานนามให้ ทั้งหมดล้วนเกิดจากผลงานที่พวกเขาสร้างขึ้นด้วยตัวเองทั้งสิ้น
ด้วยทีม ด้วยสปิริต ด้วยความเป็นอันหนึ่งอันเดียว
แน่นอนครับ ลิเวอร์พูลอาจประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ แต่ก็ยังต้องก้าวเดินต่อไป รักษาความมั่นคงและมั่นใจนี้เอาไว้ ฤดูกาลเพิ่งจะผ่านไปเพียงครึ่งทางเท่านั้นเอง
พวกเขายังมีความฝัน และความฝันนั้นยังไม่จบ จนกว่ามันจะเกิดขึ้นจริง..
อ่านข่าวอื่นๆที่ >>> UFABETWINS
หน้าแรก >>> https://www.thaihouserestaurant.com