UFABETWINS “ฟุตบอลในอดีตเหมือนเครื่องบินความเร็วสูง ทุกอย่างวัดกันที่ความเร็ว สิ่งที่เขาทำก็แค่เอาอากาศออกไป ไม่ให้เครื่องบินวิ่งได้อีกสำหรับผมนี่คือจุดเริ่มต้นของฟุตบอลสมัยใหม่”
4-4-2 คือตัวเลข 3 ตัวที่คอกีฬาฟุตบอลรู้จักเป็นอย่างดี เพราะนี่คือหนึ่งในแผนการเล่นฟุตบอลที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในเกมลูกหนัง มีโค้ชระดับโลกมากมายใช้รูปแบบการเล่นนี้ กวาดถ้วยแชมป์มาประดับตู้รางวัล ไม่ว่าจะเป็น เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน, ดีเอโก ซิเมโอเน, อาร์ริโก ซาคคี, ฟาบิโอ คาเปลโล ทั้ง ๆ ที่มันเป็นแผนการเล่น
ที่สร้างอิมแพกต์อย่างมากกับโลกฟุตบอล แต่แฟนบอลรุ่นใหม่ กลับไม่รู้ว่า วิคเตอร์ มาสลอฟ ผู้จัดการทีมชาวรัสเซีย คือผู้ให้กำเนิดแผนการเล่น 4-4-2 โดยใช้ความเป็นนักปฏิวัติในฐานะคนโซเวียต ลบล้างวิธีการเล่นฟุตบอลแบบเก่า และสร้างยุทธวิธีบนพื้นหญ้าแบบใหม่ ที่ส่งอิทธิพลมาจนถึงปัจจุบัน ก่อนโลกจะรู้จักแผน 4-4-2
ย้อนไปยังจุดเริ่มต้นของกีฬาฟุตบอลที่ประเทศอังกฤษ ในช่วงยุค 1870s แทคติกของเกมลูกหนังแตกต่างจากปัจจุบันอย่างมาก เพราะการเลี้ยงบอล คือ ส่วนสำคัญของการเล่นขณะที่การจ่ายเป็นเพียงแค่ตัวเลือกรองในการสร้างเกมรุก แทคติกฟุตบอลระยะแรกเริ่ม จึงถูกออกแบบให้เอื้อต่อการเลี้ยงลูกบอลขึ้นไปทำประตูมากที่สุด
แผนการเล่นจึงออกมากในรูป 1-1-8 หรือกองหน้า 8 คน โดยมีกองหลัง กับกองกลางแค่คนเดียว เหตุผลที่ต้องมีกองหน้าจำนวนมาก ทั้งที่การทำเกมบุกเน้นการเลี้ยงของนักเตะคนเดียว เพราะว่ากองหน้าคนอื่นต้องทำหน้าที่เป็นตัวชน คอยป้องกันไม่ให้นักบอลฝ่ายตรงข้ามเข้ามาขัดขวางการขึ้นเกมบุกของทีม ซึ่งทีมฟุตบอลในอังกฤษนำ
ไอเดียการสร้างเกมบุกแบบนี้ มาจากกีฬารักบี้ เนื่องด้วยฟุตบอลมีต้นกำเนิดจากแดนผู้ดี ทำให้แทคติกฟุตบอลฉบับกองหน้าเยอะ กลายเป็นรากฐานของการวางแผนเกมลูกหนังในยุคแรก เพราะแม้ชาติคู่ปรับอย่างสก็อตแลนด์ จะเป็นทีมที่สร้างเกมบุกด้วยการจ่ายบอล พวกเขาก็ใช้แผนกองหน้าเยอะเหมือนกับอังกฤษ นั่นคือ 2-2-6
แทคติกฟุตบอลวิวัฒนาการเป็น 2-3-5 ซึ่งถูกคิดค้นโดยสโมสรฟุตบอล เรกซ์แฮม แชมป์ฟุตบอลถ้วยของประเทศเวลส์ ในปี 1877 ซึ่งต่อมาแผ่ขยายอิทธิพลเข้าสู่ประเทศอังกฤษ และกลายเป็นแผนฟุตบอลแผนแรกที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก แผน 2-3-5 ได้รับการยกย่องว่าเป็นแผนแรกของโลกฟุตบอล ที่สร้างสมดุลของการเล่นได้อย่าง
ลงตัวมีกองหลัง 2 คนไว้คอยคุมพื้นที่กับประกบกองหน้าฝ่ายตรงข้าม, กองกลาง 3 คนดูแลพื้นที่กลางสนามและสนับสนุนเกมรุกของกองหน้าทั้ง 5 คน 2-3-5 คือแผนการเล่นที่ทีมชาติอุรุกวัยใช้คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกครั้งแรกในปี 1930 ซึ่งส่งผลกระทบไปทั่วโลก ให้โค้ชนำแทคติกรูปแบบนี้ไปดัดแปลงหลากหลาย เช่น 2-3-2-3
ที่ใช้หน้าต่ำ 2 คน แทนที่จะเป็นแผงหน้าเรียงเป็นแถว 5 คน อย่างไรก็ตาม โค้ชบางคนเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับการไม่เสียประตู มากกว่าการทำประตูในการแข่งขัน ทำให้แทคติกฟุตบอลค่อย ๆ เพิ่มจำนวนกองหลังเป็น 3 คน และ 4 คนในเวลาต่อมา สำหรับแทคติกกองหลัง 4 คน ตอนแรกถูกใช้ในรูปแบบ 4-2-4 ในช่วงกลางยุค 30s
ผ่านการสร้างสรรค์ของ มาร์ตอน บูโควี ผู้จัดการทีมชาวฮังการี ที่เห็นว่าฟุตบอลเกมรับจะเป็นอนาคตของกีฬานี้ เขาพิสูจน์ไอเดียนี้ ด้วยการพาต้นสังกัดคว้าแชมป์ลีกของประเทศยูโกสลาเวีย, โครเอเชีย, ฮังการี และกรีซ ผ่านรูปแบบการเล่นนี้ แทคติกของ บูโควี กลายเป็นแรงบันดาลใจให้โค้ชของกลายคนหยิบยืมไปใช้ ไม่ว่าจะเป็น
เบลา กัตต์มันน์ ผู้พาเบนฟิก้าคว้าแชมป์ยุโรป 2 สมัย รวมถึง ฟลาวิโอ คอสตา ผู้จัดการทีมชาติบราซิล ที่วางรากฐานแทคติกนี้ไว้กับทีมเซเลเซา จนสามารถคว้าแชมป์โลกได้ 3 สมัย โดยมีรากฐานมาจากแผน 4-2-4 แทคติกการเล่นฟุตบอลแบบกองหลัง 4 ตัวได้แสดงถึงความแข็งแกร่งตลอดยุค 50s ถึง 60s อย่างไรก็ตาม ช่วงปี 1962
มีชายชาวรัสเซียคนหนึ่งมีแนวคิดแตกต่าง ด้วยการสร้างแทคติกใหม่ขึ้นมา อัจฉริยะชื่อมาสลอฟ ในขณะที่ทั่วโลกกำลังตื่นเต้นกับกีฬาลูกหนัง มีประเทศมหาอำนาจหนึ่งในยุโรป ที่ต้องทิ้งเรื่องของกีฬาไว้เบื้องหลัง เพื่อจัดการกับปัญหาการเมืองในประเทศ นั่นคือ รัสเซีย หรือสหภาพโซเวียต การปฏิวัติรัสเซียที่เกิดขึ้นในช่วงปี 1917-1923
นำไปสู่การเปลี่ยนระบอบการปกครอง และเปลี่ยนประเทศจากรัสเซีย เป็นสหภาพโซเวียต ที่มาพร้อมกับมาตรการทางสังคมที่เข้มงวด ภายใต้การปกครองแบบคอมมิวนิสต์ ฟุตบอลเข้าไปมีอิทธิพลกับโซเวียตช้ากว่าชาติอื่น ในขณะที่ชาติยุโรปกลาง และตะวันตก เข้าร่วมสังเวียนทัวร์นาเมนต์ระดับชาติ ยุค 30s-50s โซเวียตกลับมองข้าม
กีฬาลูกหนัง ไม่ส่งทีมเข้าร่วมการแข่งขันรายการใดทั้งสิ้น จนถึงปี 1956 นอกจากนี้ฟุตบอลลีกในประเทศยังแข่งแบบปิด โดยเน้นการเตะแข่งภายใต้หน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐบาลเท่านั้น การปิดตัวเองจากโลกฟุตบอลของโซเวียต บวกกับแนวคิดของการปฏิวัติที่อยู่ในสังคมคอมมิวนิสต์ ทำให้ชายผู้หนึ่งเกิดไอเดียที่จะลองปรับเปลี่ยนการเล่น
ฟุตบอลให้แตกต่างออกไป เขาคือ วิคเตอร์ มาสลอฟ อดีตนักฟุตบอลอาชีพชาวรัสเซีย ที่เคยเล่นลีกสูงสุดของสหภาพโซเวียต ซึ่งผันตัวมาเป็นผู้จัดการทีมฟุตบอลนับตั้งแต่ปี 1942 ด้วยวัยแค่ 32 ปี มาสลอฟใช้ชีวิตในแผ่นดินรัสเซียมาตลอดทั้งชีวิต ท่ามกลางยุคที่ฟุตบอลไม่ได้อยู่ในกระแสหลัก ทำให้เขากล้าที่จะทำอะไรนอกกรอบ
โค้ชรายนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นชายที่มีความคิดสร้างสรรค์ และชอบลองอะไรใหม่ ๆ บนสนามฟุตบอลอยู่เสมอ ปี 1958 และ 1962 คือฟุตบอลโลกสองครั้งแรกของสหภาพโซเวียต พวกเขาไปได้ไกลถึงรอบ 8 ทีม และในปี 1960 โซเวียต คว้าแชมป์ฟุตบอลยุโรป ที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกมาครองได้อีกด้วย แน่นอนว่านี่คือผลงานที่น่าภูมิใจของแข้ง
กองทัพแดง แต่ไม่ใช่กับมาสลอฟ มาสลอฟ ผิดหวังกับผลงานของทีมชาติโซเวียตในฟุตบอลโลก เขาเชื่อว่าโซเวียตจะเล่นได้ดีกว่านี้ หากไม่ใช้แผนการเล่นยอดนิยม 4-2-4 ที่ได้รับความอิทธิพลมาจากคกความสำเร็จของแชมป์โลกในเวลานั้นอย่างบราซิล ซึ่งใช้แทคติกนี้จนประสบความสำเร็จ แต่บริบทตอนนั้น การที่จะบอกให้ใคร
ก็ตามเชื่อว่าโซเวียตไม่ควรเล่นแผน 4-2-4 ไม่ใช่เรื่องง่าย มาสลอฟมองเห็นว่า แผนการเล่น 4-2-4 ประสบความสำเร็จกับบราซิล เพราะทัพเซเลเซามีฟูลแบ็กที่สามารถเติมเกมได้อย่างดุเดือด จึงต้องการพื้นที่ริมเส้นช่วงกลางสนามไว้ให้แบ็คเติมเกมบุก และต้องใช้ตัวริมเส้นไปเล่นขนาบคู่กองหน้า ทว่าสหภาพโซเวียตไม่ได้มีกองหลังที่เติม
เกมบุกด้านข้างดุดันแบบบราซิล มาสลอฟ เห็นว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเอาปีกขึ้นเป็นเล่นเป็นกองหน้า เพื่อเปิดพื้นที่ให้ฟูลแบ็ก ดังนั้นเขาจึงถอยปีกลงมายืนเท่ากับกองกลาง กลายเป็นแผนที่เรียกว่า 4-4-2 มาสลอฟ เริ่มนำแผนการเล่นที่เขาคิดค้น มาใช้กับทีมของเขา และได้แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงของการวางแผนเกมฟุตบอล
จากที่ปกติการเติมเกมริมเส้นจะเป็นหน้าที่ของฟูลแบ็ก เขาเปลี่ยนหน้าที่นี้ให้เป็นเรื่องของปีก ขณะที่แบ็คมีหน้าที่หลักคือการเล่นเกมรับ แทนที่จะเป็นการเติมเกมรุกเหมือนในอดีตที่ผ่านมา
คลิ๊กเลย >>> UFABETWINS
อ่านข่าวเพิ่ม >>> บ้านผลบอล