UFABETWINS This is Football

UFABETWINS

UFABETWINS ก่อนอื่นขอบอกว่า…นี่คือบทวิเคราะห์นะครับ

ย้ำอีกครั้งว่ามันเป็นบทวิเคราะห์ โดยวิเคราะห์จากสิ่งที่มันเกิดขึ้นนานแล้ว และเคยวิเคราะห์ไปแล้ว แต่อยากจะขอตีความใหม่อีกครั้ง หลังจากที่เวลาผ่านมาครบ 6 ปี

แค่นั้นเอง แค่นั้นเองจริงๆ

นับตั้งแต่เดือนเมษายนของปี 2014 เป็นต้นมา

วันที่ 27 เมษายนของทุกปี คนอังกฤษ เฉพาะอย่างยิ่งชาวเมืองแมนเชสเตอร์ที่มีจิตศรัทธาในปีศาจแดง เรียกวันนี้อย่างเย้ยหยันว่าวัน “เดมบ้า เดย์”

 “เดมบ้า เดย์” คือวันที่ สตีเว่น เจอร์ราร์ด เสียการทรงตัวและหัวใจแล้วถูก เดมบา บา กองหน้าของ เชลซี ฉกไปยิงประตูจนส่งผลให้ ลิเวอร์พูล แพ้แบบคาบ้านพลางทำโทรฟี่แชมป์พรีเมียร์ลีกกระเด็นหลุดออกจากมือไปอย่างน่าเจ็บใจที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์นั่นแหละ

…ว่าแล้วเรามาย้อนรำลึกถึงเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ครั้งกระโน้นอีกครั้ง โดยขอยืนยันหนักแน่นอีกครั้งว่านี่คือบทความเชิงวิเคราะห์ที่ผมขอวิเคราะห์ใหม่อีกครั้ง หลังจากที่เวลาผ่านพ้นไป 6 ปี ไม่ได้มีเจตนาเยาะเย้ยหรือซ้ำเติมกันแต่อย่างใด – สาบาน !!!

สถานการณ์ก่อนเกมนั้นที่ แอนฟิลด์ ค่อนข้างเอื้ออำนวยต่อ ลิเวอร์พูล อย่างยิ่ง เมื่อพวกเขาเพิ่งเปิดบ้านเอาชนะคู่ขับเคี่ยวของตัวเองโดยตรงอย่าง แมนฯ ซิตี้ 3-2 ในเกมที่ 34 ของฤดูกาล และหลังจากเขยิบใกล้ตำแหน่งแชมป์เข้าไปอีก 1 ก้าว “สตีวี่ จี” กัปตันทีมผู้ยิ่งยงของหงส์แดงเรียกลูกทีมมารวมตัวกัน เพื่อกำชับพร้อมน้ำตาแห่งความซาบซึ้งด้วยเสียงสะอื้นในลำคอว่าพวกเราจะไม่สะดุดอีกต่อไปแล้ว – พวกเราจะไม่สะดุดอีกต่อไปแล้ว

คุณพี่เขาหมายความตามนั้นจริงๆ เพราะในเกมต่อมา พลพรรคหงส์แดงก็บุกไปหักปีกนกขมิ้น นอริช ซิตี้ 3-2 พลางทำสถิติชนะ 11 นัดติดต่อกันเข้าให้แล้ว

ผ่าน 35 นัด ลิเวอร์พูล นำเป็นจ่าฝูงโดยสะสมได้ 80 แต้ม ขณะที่ แมนฯ ซิตี้ มีอยู่ 77 แต้ม แต่เหนือกว่าด้วยผลต่างประตูได้เสีย

ฉะนั้น & ฉะนี้

เพียงแค่เสมอกับผู้มาเยือนในเกมที่ 36 ของฤดูกาล พลพรรคหงส์แดงก็ยังคงได้เปรียบ เช่นเดียวกับที่ยังเป็นผู้กำหนดชะตากรรมของตัวเอง และคาดว่าน่าจะประคองตัวเองเข้าเส้นชัยเป็นอันดับหนึ่งได้ไม่ยาก

แตกต่างจาก เชลซี ที่กำลังอยู่ในระหว่างการพันตูกับ แอตเลติโก มาดริด ในรอบตัดเชือก ยููฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบตัดเชือก

นัดแรกพวกเขาบุกไปควักผลเสมอกลับออกมาจากบ้านของทีมตราหมีได้สำเร็จ และเกมที่ 2 กำลังรอพวกเขาอยู่ในอีก 3 วัน หลังจากเกมที่ แอนฟิลด์ นั่นน่าจะเป็นเหตุผลที่บอกว่าทำไม โชเซ่ มูรินโญ่ ถึงจัดตัวสำรองลงสนามกว่าครึ่งทีมเลยทีเดียว

 ผู้เล่นตัวหลักอย่าง ปีเตอร์ เช็ก, จอห์น เทอร์รี่, ดาวิด ลุยซ์, แกรี่ เคฮิลล์, รามิเรส, ออสการ์ และเอแด็น อาซาร์ ไม่ได้ลงเล่นในเกมนั้น

กุนซือชาวขนมฝอยทองขยับ บรานิสลาฟ อิวาโนวิช เข้ามาเล่นเป็นเซ็นเตอร์แบ็คคู่กับ โทมัส กาลาส ปราการหลังสัญชาติเช็กวัยแค่ 20 ขวบที่ไม่เคยลงเล่นเป็นตัวจริงมาก่อนด้วยซ้ำ

    11 ขุนพลของ เชลซี ประกอบด้วย มาร์ค ชวาร์ซเซอร์, เซซาร์ อัสปิลิกวยต้า, บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, โทมัส กาลาส, แอชลี่ย์ โคล, แฟร้งค์ แลมพาร์ด, จอห์น โอบี มิเคล, เนมานย่า มาติช, อันเดร เชือร์เล่, โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ และเดมบ้า บา 

อืมมมมมม…จัดตัวแบบนี้แสดงว่าไม่ค่อยเน้นนี่หว่า

อย่างไรก็ตาม

ถึงแม้นจะจัดตัวเหมือนไม่เอานะ แต่ “เดอะ สเปเชี่ยล วัน” มีความแค้นฝังลึกกับหงส์แดง แถมยังมีอาการทางจิตมากกว่าที่คิด จึงไม่เพียงแต่จะวางแผนเล่นเกมรับแบบ “พาร์ค เดอะ บัส” พี่แกยังแอบติดตั้ง “วิชามาร” ให้ลูกทีมอีกต่างหาก

UFABETWINS

จุดประสงค์คือคือทำทุกวิถีทาง เพื่อขัดขวางไม่ให้ ลิเวอร์พูล ประสบความสำเร็จ

    “เจ้านาย (โชเซ่ มูรินโญ่) กำชับกับพวกเราว่าเวลาที่เกมหยุด บอลออก หรือบอลตาย ไม่ว่าจะเป็นลูกตั้งเตะจากประตู หรือฟรีคิกให้เราค่อยๆ เดินไปเล่น อย่าวิ่งเด็ดขาด และให้ทำแบบนั้นตั้งแต่วินาทีแรกเลย ห้ามวิ่งไปเก็บบอล เดินเอา – เมื่อคุณได้บอลก็ให้วางบอลลง จังหวะนั้นกองหลังอย่าง อิวาโนวิช จะแกล้งเดินไปไกล ๆ ก่อน แล้วเขาจะเข้ามาบอกว่าเขาจะเป็นคนเตะเอง จากนั้นผมก็จะบอกว่า…ถ้าอย่างนั้นนายเป็นคนเตะ…นั่นเป็นวิธีที่เราใช้ในเกมนี้”

นี่คือคำให้การของ มาร์ค ชวาร์ซเซอร์ นายทวารมือสองที่ได้ลงเฝ้าเสาแทน ปีเตอร์ เช็ก ในเกมนั้น

เหมือน โชเซ่ มูรินโญ่ จะมองออกว่ากุนซือของหงส์แดงอย่าง เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ยังอ่อนพรรษา ไม่ต่างจากพวกวัยรุ่นใจร้อน และซอยยิกที่ความคิดยังไม่สุขุมเพียงพอ

กุนซือของ เชลซี อ่านว่า ร็อดเจอร์ส จะวางแผนให้ลูกทีมเดินหน้าบดขยี้แทนที่จะเล่นแบบติ๊ดชึ่ง เพื่อเน้นผลการแข่งขันเป็นสำคัญเอาไว้ก่อนแน่นอน

แล้วก็เป็นจริงดังคาด

อันที่จริงในเมื่อ “จ่ามู” ไม่ยอมจัดผู้เล่นชุดใหญ่แบบเต็มอัตราศึก แถมยังสั่งให้ลูกทีมถ่วงเวลา ด้วยหวังผลเพียงแค่ไม่แพ้เอาไว้ก่อน – ลิเวอร์พูล ก็แค่ตอบสนองความต้องการของผู้มาเยือนด้วยการเล่นอย่างระมัดระวังบนความรัดกุม โดยไม่เสี่ยงในจังหวะที่ไม่ควรเสี่ยง ซึ่งมันก็น่าจะทำให้เกมจบลงด้วยการเสมอกันได้ไม่ยาก

แต่ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กลับเลือกที่จะวางแผนให้ลูกทีมเล่นเกมรุกแบบ “เอาตาย” ด้วยหวังเผด็จศึกให้มันจบๆ ไปเลย !!!

สุดท้ายเลยต้องมา “เด๊ดห่า” เพราะความห้าวหาญมากเกินไปของตัวเองนี่แหละ

อย่างไรก็ต้องเข้าใจด้วยว่า ณ จุดนั้น “บี-ร็อดส์” เพิ่งจะมีอายุ 41 เองนะครับ ความเจนจบบนถนนลูกหนังยังไม่มากสักเท่าไหร่ และหากเป็นตอนนี้ ตอนที่มีความเยือกเย็นยิ่งขค้น บางทีคุณพี่เขาอาจจะคิดอีกอย่างก็เป็นได้

นอกจากนี้ยังมีเหตุผลอีก 2 ประการที่ทำให้ ลิเวอร์พูล ตัดสินใจเดินหน้าฆ่ามันแทนที่จะเล่นอย่างรัดกุม เพื่อเน้นผลการแข่งขัน

ประการหนึ่งคือสไตล์การเล่น

ประการหนึ่งคือฟอร์มการเล่นในช่วงนั้น

  ลิเวอร์พูล และฤดูกาลนั้นมีเกมรุกที่ดุดันและกะซวกไส้ดีนักแล ด้วยหน่วยล่าสังหารที่จัดจ้านอย่าง หลุยส์ ซัวเรซ, ราฮีม สเตอร์ลิง, คูตินโญ่ และดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ขณะที่ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ถูกปรับบทบาทจากมิดฟิลด์ตัวรุกมาเป็นมิดฟิลด์ตัวรับ หรือศัพท์ลูกหนังสมัยใหม่เรียกว่า “ตัวโฮลด์บอล” ยืนต่ำอยู่หน้าแผงหลัง ประหนึ่ง “ควอร์เตอร์แบ็ค” ในกีฬาคนชนคน เพื่อเชื่อมเกม แจกจ่าย วางบอลยาว และคุมจังหวะในการขับเคลื่อน

ส่วนฟอร์มการเล่นของ ลิเวอร์พูล ในช่วงนั้นก็กำลังเดือดดาลอย่างจงหนัก หลังจากพุ่งเข้าชนและวิ่งเข้าใส่ชัยชนะมาถึง 11 นัดติดต่อกัน

ในเกมฟาดแข้งนั้นมีหลักสำคัญอยู่่อย่างคือถ้าฟอร์มการเล่นของทีมคุุณกำลังไฉไลเป็นบ้า – ในเมื่อรูปแบบการเล่นและฟอร์มการเล่นมันดีอยู่แล้ว หรือกำลังร้อนแรงอยู่แล้วก็ไม่จำเป็นต้องไปเปลี่ยนมัน

บัดดลก็เปิดเกมบุกกระหน่ำใส่ผู้มาเยือนเป็นระลอก เพื่อทำลายตาข่ายให้มันจบไปเร็วๆ ขณะที่พลพรรคสิงห์บลูส์ก็เล่นตามกลยุทธ์ของผู้เป็นกุนซือ คือตั้งรับลึก ดึงจังหวะให้ช้าๆ เพื่อทำลายเวลา แล้วหาทางจู่โจมแบบลอบฆ่าพลางฉกฉวยโอกาสจากความผิดพลาดของคู่แข่งนั่นแหละ

ลิเวอร์พูล พร้อมกว่า ครองบอลมากกว่า บุกมากกว่า มีโอกาสทำประตูมากกว่า และแน่นอนว่าควรเป็นผู้ชนะมากกว่า

ถ้าในจังหวะนั้น มามาดู ซาโก้ ไม่จ่ายบอลขวางสนามเข้าไปตรงกลาง….

    นี่แหละ…ฟุตบอล

คลิกเลย >>>  ข่าวบอล

คลิกเลย >>>  https://www.thaihouserestaurant.com/